อิฐมวลเบา (Lightweight Concrete Block)

อิฐมวลเบา คืออะไร? คุณสมบัติเด่นและประโยชน์ของอิฐมวลเบาในงานก่อสร้าง

อิฐมวลเบา (Lightweight Concrete Block) เป็นวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยมสูงในงานก่อสร้างสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือโรงงาน อิฐมวลเบามีคุณสมบัติเด่นในด้านการเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียง ช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ด้วยน้ำหนักที่เบาแต่แข็งแรง อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่สามารถเพิ่มความสะดวกและลดเวลาในการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี

อิฐมวลเบา (Lightweight Concrete Block)

ขนาดของอิฐมวลเบาในประเทศไทย

อิฐมวลเบาที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมักมีขนาดมาตรฐานที่เหมาะสำหรับการใช้งานก่อสร้างหลากหลายประเภท ดังนี้:

  • ความยาว: 60 เซนติเมตร
  • ความสูง: 20 เซนติเมตร
  • ความหนา: มีหลายขนาด ได้แก่ 7, 7.5, 10, 12.5, 15, 17.5, และ 20 เซนติเมตร

ขนาดเหล่านี้ช่วยให้สามารถเลือกใช้อิฐมวลเบาได้อย่างหลากหลายตามความต้องการของโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นผนังภายในหรือภายนอก การเพิ่มความหนาของอิฐจะช่วยเพิ่มความสามารถในการกันเสียงและกันความร้อนให้ดียิ่งขึ้น

คุณสมบัติของอิฐมวลเบา

  1. น้ำหนักเบา: อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบากว่าอิฐประเภทอื่น เช่น อิฐมอญหรืออิฐบล็อก เนื่องจากมีฟองอากาศเล็กๆ ในเนื้ออิฐ ทำให้ลดภาระของโครงสร้างพื้นฐานของอาคาร และทำให้การก่อสร้างรวดเร็วขึ้น
  2. เป็นฉนวนกันความร้อน: ด้วยฟองอากาศที่อยู่ในเนื้ออิฐ อิฐมวลเบาจึงสามารถกันความร้อนได้ดี อาคารที่ก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบาจะเย็นสบาย และลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว
  3. กันเสียงได้ดี: อิฐมวลเบามีคุณสมบัติในการป้องกันเสียง จึงเหมาะสำหรับงานก่อสร้างในพื้นที่ที่มีเสียงรบกวน เช่น ในเมืองหรือพื้นที่ใกล้ถนน
  4. ทนทานและแข็งแรง: อิฐมวลเบาสามารถทนทานต่อแรงกดทับได้ดี และสามารถรับน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในผนังทั่วไป
  5. ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว: อิฐมวลเบามีขนาดใหญ่และสม่ำเสมอ ช่วยให้การติดตั้งทำได้ง่ายและรวดเร็ว ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในงานก่อสร้าง
อิฐมวลเบา (Lightweight Concrete Block)

ข้อดีของการใช้ อิฐมวลเบา ในงานก่อสร้าง

  1. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว: การใช้อิฐมวลเบาช่วยลดค่าไฟฟ้าจากการใช้เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในการกันความร้อน
  2. ลดเวลาในการก่อสร้าง: ด้วยขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักเบา การก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบาจึงทำได้รวดเร็วกว่า ลดค่าแรงและเวลาในการก่อสร้าง
  3. เพิ่มความสะดวกสบายในอาคาร: ด้วยคุณสมบัติในการกันเสียงและกันความร้อน อิฐมวลเบาทำให้สภาพอากาศในอาคารเย็นสบายและเงียบสงบ
  4. ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม: อิฐมวลเบามีการใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ปล่อยสารพิษ

ประเภทของอิฐมวลเบา

อิฐมวลเบาในปัจจุบันมีสองประเภทหลัก ได้แก่:

  • อิฐมวลเบาแบบอบไอน้ำ (Autoclaved Aerated Concrete – AAC): ผ่านกระบวนการอบไอน้ำแรงดันสูง ทำให้มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
  • อิฐมวลเบาแบบไม่อบไอน้ำ: ใช้สารเคมีในการทำให้เนื้อวัสดุมีฟองอากาศ เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูงสุด
อิฐมวลเบา (Lightweight Concrete Block)

การใช้งานของอิฐมวลเบา

อิฐมวลเบามีการใช้งานหลากหลายประเภท เช่น:

  • ผนังภายในและภายนอกอาคาร: อิฐมวลเบาเหมาะสำหรับใช้ก่อผนังภายในและภายนอกอาคาร เช่น บ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ โรงงาน หรือสำนักงาน
  • ผนังบ้านพักอาศัย: ช่วยเพิ่มความเย็นสบายภายในบ้าน ลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ
  • อาคารในเขตเมือง: ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก เหมาะสำหรับอาคารในเขตเมืองที่มีการจราจรหรือเสียงจากการทำงาน

ข้อควรระวังในการใช้อิฐมวลเบา

  • การยึดเกาะ: เนื่องจากอิฐมวลเบามีคุณสมบัติที่ต่างจากอิฐมอญ การใช้งานควรเลือกใช้ปูนก่ออิฐมวลเบาโดยเฉพาะ เพื่อให้การยึดเกาะแข็งแรงและปลอดภัย
  • ความชื้น: ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง อิฐมวลเบาอาจต้องการการป้องกันเพิ่มเติม เช่น การทาฉนวนกันชื้น เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • การติดตั้งวัสดุหนัก: ในการติดตั้งวัสดุที่มีน้ำหนักมาก เช่น ตู้ หรือชั้นวาง ควรใช้พุกยึดที่เหมาะสมกับอิฐมวลเบา เพื่อป้องกันการเกิดรอยร้าวหรือความเสียหาย

สรุป

อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติพิเศษในการเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียง น้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทาน ช่วยให้การก่อสร้างง่ายและรวดเร็ว ทำให้อิฐมวลเบาเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับงานก่อสร้างสมัยใหม่ โดยเฉพาะในบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์ที่ต้องการประหยัดพลังงานและความสะดวกสบายในระยะยาว

อิฐมวลเบา (Lightweight Concrete Block)